skip to main |
skip to sidebar
บทสวดอนัตตลักขณสูตร
อนัตตลักขณสูตร พร้อมคำแปล
เอวัมเม สุตัง
อันข้าพเจ้า(คือพระอานนทเถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้
เอกัง สะมะยัง ภะคะวา
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
พาราณะสิยัง วิหะระติ, อิสิปะตะเน มิคะทะเย
เสด็จประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี
ตัตระ โข ภะคะวา ปัญจะวัคคียเย ภิกขู อามันเตสิ
ในกาลนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือน พระภิกษุปัญจวัคคีย์(ให้ตั้งใจฟังภาษิตนี้ว่า)
รูปัง ภิกขะเว อนัตตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูป(คือร่างกายนี้) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)
รูปัญจะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา อะภะวิสสะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็รูปนี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว
นะยิทัง รูปัง อาพาธายะ สังวัตเตยยะ
รูปนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(ความลำบาก)
ลัพเภถะ จะ รูเป
อนึ่ง บุคคลพึงได้ในรูปตามใจหวัง
เอวัง เม รูปัง โหตุ เอวัง เม รูปัง มา อโหสีติ
ว่ารูปของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จะ โข ภิกขะเว รูปัง อนัตตา
ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุที่รูปนั้นเป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)
ตัสมา รูปัง อาพาธายะ สังวัตตะติ
เพราะเหตุนั้น รูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะจะ ลัพภะติ รูเป
อนึ่ง บุคคลย่อมไม่ได้ในรูปตามใจหวัง
เอวัง เม รูปัง โหตุ เอวัง เม รูปัง มาอโหสีติ
ว่ารูปของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
เวทนา อนัตตา
เวทนา(คือความรู้สึกอารมณ์) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)
เวทนา จะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา อะภะวิสสะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เวทนานี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว
นะยิทัง เวทะนา อาพาธายะ สังวัตเตยยะ
เวทนานี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(ความลำบาก)
ลัพเภถะ จะ เวทะนายะ
อนึ่ง บุคคลพึงได้ในเวทนาตามใจหวัง
เอวัง เม เวทะนา โหตุ เอวัง เม เวทะนา มา อโหสีติ
ว่าเวทนาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จะ โข ภิกขะเว เวทะนา อนัตตา
ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุที่เวทนานั้นมิใช่ตัวตนของเรา
ตัสมา เวทนา อาพาธายะ สังวัตตะติ
เพราะเหตุนั้น เวทนาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะจะ ลัพภะติ เวทะนายะ
อนึ่ง บุคคลย่อมไม่ได้ในเวทนาตามใจหวัง
เอวัง เม เวทนา โหตุ เอวัง เม เวทะนา มา อโหสีติ
ว่าเวทนาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
สัญญา อนัตตา
สัญญา(คือความจำ) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)
สัญญา จะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา อะภะวิสสะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สัญญานี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว
นะยิทัง สัญญา อาพาธายะ สังวัตเตยยะ
สัญญานี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(ความลำบาก)
ลัพเภถะ จะ สัญญายะ
อนึ่ง บุคคลพึงได้ในสัญญาตามใจหวัง
เอวัง เม สัญญา โหตุ เอวัง เม สัญญา มา อโหสีติ
ว่าสัญญาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จ โข ภิกขะเว สัญญา อนัตตา
ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุที่สัญญานั้นมิใช่ตัวตนของเรา
ตัสมา สัญญา อาพาธายะ สังวัตตะติ
เพราะเหตุนั้น สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะจะ ลัพภะติ สัญญายะ
อนึ่ง บุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาตามใจหวัง
เอวัง เม สัญญา โหตุ เอวัง เม สัญญา มา อโหสีติ
ว่าสัญญาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
สังขารา อนัตตา
สังขารทั้งหลาย(คือสภาพที่เกิดกับใจ ปรุงใจให้ดีบ้าง ชั่วบ้าง) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)
สังขารา จะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา อะภะวิสสังสุ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สังขารทั้งหลายนี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว
นะ ยิทัง สังขารา อาพาธายะ สังวัตเตยยุง
สังขารทั้งหลายนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
ลัพเภถะ จะ สังขาเรสุ
อนึ่ง บุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง
เอวัง เม สังขารา โหนตุ เอวัง เม สังขาร มา อเหสุนติ
ว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จะ โข ภิกขะเว สังขารา อนัตตา
ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุที่สังขารทั้งหลายนั้นมิใช่ตัวตนของเรา
ตัสมา สังขารา อาพาธายะ สังวัตตันติ
เพราะเหตุนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะ จะ ลัพภะติ สังขาเรสุ
อนึ่ง บุคคลย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง
เอวัง เม สังขารา โหนตุ เอวัง เม สังขารา มา อเหสุนติ
ว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
วิญญาณัง อนัตตา
วิญญาณ(คือใจ) เป็นอนัตตา(มิใช่ตัวตนของเรา)
วิญญานัญ จะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา อะภะวิสสะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตา(ตัวตนของเรา)แล้ว
นะยิทัง วิญญาณัง อาพาธายะ สังวัตเตยยะ
วิญญาณนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
ลัพเภถะ จะ วิญญาเน
อนึ่ง บุคคลพึงได้ในวิญญาณตามใจหวัง
เอวัง เม วิญญานัง โหตุ เอวัง เม วิญญานัง มา อโหสีติ
ว่าวิญญาณของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จะ โข ภิกขะเว วิญญานัง อนัตตา
ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุที่วิญญาณนั้นมิใช่ตัวตนของเรา
ตัสมา วิญญาณัง อาพาธายะ สังวัตตะติ
เพราะเหตุนั้น วิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะ จะ ลัพภะติ วิญญาเน
อนึ่ง บุคคลย่อมไม่ได้ในวิญญาณตามใจหวัง
เอวัง เม วิญญาณัง โหตุ เอวัง เม วิญญาณัง มา อโหสีติ
ว่าวิญญาณของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ตังกิง มัญญะถะ ภิกขะเว
ท่านทั้งหลาย ย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
รูปัง นิจจัง วา อนิจจัง วา ติ
รูปเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง
อนิจจัง ภันเต
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
ยัมปะนา นิจจัง ทุกขัง วา ตัง สุขัง วาติ
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
ทุกขัง ภันเต
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
ยัมปะนา นิจจัง ทุกขัง
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
วิปะริณา มะธัมมัง
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
กัลลัง นุ ตัง สะมะนุปัสสิตุง
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
เอตัง มะมะ เอโสหะมัสมิ เอโส เม อัตตาติ
ว่านั้นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่ นั่นเป็นตนของเรา
โน เหตัง ภันเต
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
ตังกิง มัญญะถะ ภิกขะเว
ท่านทั้งหลาย ย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
เวทะนา นิจจา วา อนิจจา วาติ
เวทนาเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง
อนิจจา ภันเต
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
ยัมปะนา นิจจัง ทุกขัง วา ตัง สุขัง วาติ
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
ทุกขัง ภันเต
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
ยัมปะนานิจจัง ทุกขัง
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
วิปะริณามะธัมมัง
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
กัลลัง นุ ตัง สะมะนุปัสสิตุง
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
เอตัง มะมะ เอโส หะมัสมิ เอโส เม อัตตาติ
ว่านั้นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่ นั่นเป็นตนของเรา
โน เหตัง ภันเต
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
ตังกิง มัญญะถะ ภิกขะเว
ท่านทั้งหลาย ย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
สัญญา นิจจา วา อนิจจา วาติ
สัญญาเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง
อนิจจา ภันเต
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
ยัมปะนานิจจัง ทุกขัง วา ตัง สุขัง วาติ
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
ทุกขัง ภัน เต
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
ยัมปะนานิจจัง ทุกขัง
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
วิปะริณามะธัมมัง
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
กัลลัง นุ ตัง สะมะนุปัสสิตุง
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
เอตัง มะมะ เอโส หะมัสมิ เอโส เม อัตตาติ
ว่านั้นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่ นั่นเป็นตนของเรา
โน เหตัง ภันเต
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
ตังกิง มัญญะถะ ภิกขะเว
ท่านทั้งหลาย ย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
สังขารา นิจจา วา อนิจจา วาติ
สังขารทั้งหลายเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง
อนิจจา ภันเต
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
ยัมปะนานิจจัง ทุกขัง วา ตัง สุขัง วาติ
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
ทุกขัง ภันเต
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
ยัมปะนานิจจัง ทุกขัง
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
วิปะริณามะธัมมัง
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
กัลลังนุตัง สะมะนุปัสสิตุง
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
เอตัง มะมะ เอโสหะมัสมิ เอโส เม อัตตาติ
ว่านั้นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่ นั่นเป็นตนของเรา
โน เหตัง ภันเต
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
ตังกิง มัญญะถะ ภิกขะเว
ท่านทั้งหลาย ย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน ภิกษุทั้งหลาย
วิญญาณัง นิจจังวา อนิจจัง วาติ
วิญญาณเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง
อนิจจัง ภันเต
ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า
ยัมปะนานิจจัง ทุกขัง วา ตัง สุขัง วาติ
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า
ทุกขัง ภันเต
เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
ยัมปะนานิจจัง ทุกขัง
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์
วิปะริณามะธัมมัง
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
กัลลัง นุ ตัง สะมะนุปัสสิตุง
ควรหรือ เพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น
เอตัง มะมะ เอโสหะมัสมิ เอโส เมอัตตาติ
ว่านั้นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่ นั่นเป็นตนของเรา
โน เหตัง ภันเต
หาอย่างนั้นไม่ พระเจ้าข้า
ตัสมาติหะ ภิกขะเว
เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย
ยังกิญจิ รูปัง
รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง
อตีตานาคะตะปัจจุปันนัง
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี
อัชฌัตตัง วาพหิทธา วา
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
โอฬาริกัง วา สุขุมัง วา
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
หีนัง วา ปณีตัง วา
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
ยันทูเร สันติเก วา
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
สัพพัง รูปัง
รูปทั้งหมด ก็เป็นสักว่ารูป
เนตัง มะมะ
นั่นไม่ใช่ของเรา
เนโสหะมัสมิ
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
นะ เมโส อัตตาติ
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
เอวะ เมตัง ยะถาภูตัง สัมมัปปัญญายะ ทัฏฐัพพัง
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้
ยากาจิ เวทะนา
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง
อตีตานาคะตะปัจจุปปันนา
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี
อัชฌัตตา วา พหิทธา วา
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
โอฬาริกา วา สุขุมา วา
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
หีนา วา ปณีตา วา
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
ยันทูเร สันติเก วา
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
สัพพา เวทะนา
เวทนาทั้งหมด ก็เป็นสักว่าเวทนา
เนตัง มะมะ
นั่นไม่ใช่ของเรา
เนโสหะมัสมิ
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
นะ เมโส อัตตาติ
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
เอวะ เมตัง ยะถา ภูตัง สัมมัปปัญญายะ ทัฏฐัพพัง
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้
ยากาจิ สัญญา
สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง
อตีตานาคะตะปัจจุปปันนา
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี
อัชฌัตตา วา พหิทธา วา
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
โอฬาริกา วา สุขุมา วา
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
หีนา วา ปณีตา วา
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
ยันทูเร สันติเก วา
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
สัพพา สัญญา
สัญญาทั้งหมด ก็เป็นสักว่าสัญญา
เนตัง มะมะ
นั่นไม่ใช่ของเรา
เนโสหะมัสมิ
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
นะ เมโส อัตตาติ
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
เอวะ เมตัง ยะถา ภูตัง สัมมัปปัญญายะ ทัฏฐัพพัง
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น
เยเกจิ สังขารา
สังขารทั้งหลายอย่างใดอย่างหนึ่ง
อตีตานาคะตะปัจจุปปันนา
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี
อัชฌัตตา วา พหิทธา วา
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
โอฬาริกา วา สุขุมา วา
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
หีนา วา ปณีตา วา
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
เยทูเร สันติเก วา
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
สัพเพ สังขารา
สังขารทั้งหลายทั้งหมด ก็เป็นสักว่าสังขาร
เนตัง มะมะ
นั่นไม่ใช่ของเรา
เนโสหะมัสมิ
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
นะ เมโส อัตตาติ
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
เอวะ เมตัง ยะถาภูตัง สัมมัปปัญญายะ ทัฏฐัพพัง
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น
ยังกิญจิ วิญญาณัง
วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง
อตีตานาคะตะปัจจุปปันนัง
ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี
อัชฌัตตัง วา พะหิทธา วา
ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
โอฬาริกัง วา สุขุมัง วา
หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
หีนัง วา ปณีตัง วา
เลวก็ดี ประณีตก็ดี
ยันทูเร สันติเก วา
อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
สัพพัง วิญญาณัง
วิญญาณทั้งหมด ก็เป็นสักว่าวิญญาณ
เนตัง มะมะ
นั่นไม่ใช่ของเรา
เนโสหะมัสมิ
เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
นะ เมโส อัตตาติ
นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
เอวะเมตัง ยะถาภูตัง สัมมัปปัญญายะ ทัฏฐัพพัง
ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้นดังนี้
เอวัง ปัสสัง ภิกขะเว สุตตะวา อะริยะสาวะโก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้
รูปัสสะมิงปิ นิพพินทะติ
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในรูป
เวทะนายะปิ นิพพินนะติ
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในเวทนา
สัญญายะปิ นิพพินทะติ
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัญญา
สังขาเรสุปิ นิพพินทะติ
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสังขารทั้งหลาย
วิญญานัสมิงปิ นิพพินทะติ
ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในวิญญาณ
นิพพินทัง วิรัชชะติ
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายความติด
วิราคา วิมุจจะติ
เพราะคลายความติด จิตก็พ้น
วิมุตตัสมิง วิมุตตะมีติ ญาณัง โหติ
เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็เกิดญาณรู้ว่าพ้นแล้ว ดั่งนี้
ขีณา ชาติ. วุสิตัง พรัหมจริยัง กะตัง กะระณียัง นาปะรัง อิตถัตตายาติ ปะชานาตีติ
อริย สาวกนั้น ย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์เราได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเราได้ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
อิทะมะโวจะ ภะคะวา
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระสูตรนี้จบลง
อัตตะมะนา ปัญจะวัคคิยา ภิกขู
พระภิกษุปัญจวัคคีก็มีใจยินดี
ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุง
เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจัา
อิมัสสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสมิง ภัญญะมาเน
ก็แลเมื่อเวยยากรณ์นี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่
ปัญจะวัคคิยานัง ภิกขูนัง อะนุปาทายะ อาสะเวหิ จิตตานิ วิมุตจิงสูติ
จิตของพระภิกษุปัญจวัคคีย์พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทานแล
จบ อนัตตลักขณสูตร
แสดงความคิดเห็น